ผู้ที่มีรูปปากดูไม่สวยไม่เข้ารูปสามารถเข้ารับการ การทำศัลยกรรมปาก หรือการทำปากกระจับ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากที่ใหญ่หนา ริมฝีปากบนและล่างไม่สมดุลกัน ในการทำศัลยกรรมปากนั้นอาจพบปัญหาที่เจอได้บ่อย ๆ คือเกิดการติดเชื้อหลังทำปากกระจับอักเสบ ซึ่งจะมีอาการปากบวม เจ่อ เป็นหนอง และหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ริมฝีปากเน่าได้
ปากอักเสบติดเชื้อหลังศัลยกรรม เกิดจากอะไรบ้าง
แผลอักเสบติดเชื้อหลังศัลยกรรมปากนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- หากท่านเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้มีเชื้อโรคปนเปื้อนมากับอุปกรณ์การผ่าตัดและห้องผ่าตัดไม่สะอาด และเมื่อคลินิกไม่ได้มาตรฐาน เทคนิคการผ่าตัดก็จะไม่ได้มาตรฐานเช่นเดียวกัน จึงทำให้แผลผ่าตัดเกิดการอักเสบได้
- หลังการผ่าตัดผู้เข้ารับบริการดูแลความสะอาดของแผลไม่ดีพอ เช่น ปล่อยให้แผลโดนน้ำ กินอาหารรสจัด เคี้ยวอาหารคำใหญ่ และสูบบุหรี่ทั้งที่แผลยังไม่หายดี
- ผู้เข้ารับบริการไม่ทานยาตามที่แพทย์สั่ง และไม่ยอมมาทำแผลหรือตรวจซ้ำหลังผ่าตัดตามที่แพทย์นัด
- แผลโดนกระแทกรุนแรง ทำให้ปากแผลที่เย็บไว้ปริออก
ก่อนทำศัลยกรรมปาก ควรรู้อะไรบ้าง
- ปากบางมากเกินไป สำหรับใครที่อยากได้ปากแบบบางเฉียบ ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า หากตัดออกมากจนเกินไปนั้นอาจจะทำให้เวลายิ้มนั้นไม่เห็นว่ามีริมฝีปากบนเหลืออยู่เลย อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนบริเวณปากก็ลดน้อยลง ดังนั้น การศัลยกรรมปากให้บาง ควรตัดให้ได้รูปกำลังพอดี อย่าตัดมากจนเกินไป
- ยิ้มเห็นเหงือก ผลจากการตัดเนื้อริมฝีปากมากจนเกินไป นอกจากจะทำให้ดูแปลก ๆ เวลายิ้มแล้ว ยังทำให้เห็นเหงือกมากขึ้นเนื่องจากเนื้อริมฝีปากที่เคยมีและบดบังเหงือกไว้ได้หายไปแล้วนั่นเอง
- การศัลยกรรมที่สวยนั้นคือให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด แต่ที่ไม่เป็นธรรมชาติ อย่างเช่นภายหลังศัลยกรรมปากมาแล้ว ติ่งตรงกลางปากนั้น แหลม และยื่นยาวมากเกินไป
- ปากด้าน ซ้าย-ขวา ไม่เท่ากัน ตรงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าบางที พื้นฐานเดิมของผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมอาจจะไม่เท่ากันอยู่แล้ว พอแพทย์ตัดออกเท่ากันทั้งสองด้าน ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าไม่เท่ากัน และหากไปเจอกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเกิดการผิดพลาดตรงนี้ได้
- ปากหุบไม่สนิท อะไรที่ไม่พอดีย่อมมีปัญหาตามมา การที่ตัดเนื้อปากออกไปแล้วหลาย ๆ คนก็เจอกับปัญหา การหุบปากไม่สนิท บางคนถึงแม้ปากบนกับปากล่างประกบกันแล้ว ยังเห็นช่องว่างระหว่างปากบนกับปากล่างอยู่ อันเป็นผลจากที่ทำกระจับมากจนเกินไปนั่นเอง
- ปากแข็งเป็นไต ทำให้เวลายิ้มรู้สึกตึง จะทำให้เหมือนแสยะยิ้ม ด้านซ้าย-ขวาสองข้างไม่เท่ากัน และทำให้เวลาสัมผัสก็จะรู้สึกเป็นก้อนแข็งๆ บริเวณริมฝีปากได้ และดูไม่เป็นธรรมชาติ
- รอยแผลเป็น สำหรับการผ่าตัดทุกชนิดนั้นอาจจะเกิดรอยแผลเป็นได้อยู่แล้ว แม้กระทั่งการผ่าตัดศัลยกรรมริมฝีปากเองก็ตาม ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่จะเห็นรอยแผลเป็นได้
ดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมอย่างไร ไม่ให้เกิดปากอักเสบติดเชื้อ
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยป้องกันให้เราห่างไกลจากปากอักเสบติดเชื้อได้ โดยแนวทางการดูแลตัวเองที่คุณหมอแนะนำและเราควรทำตามอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- ให้ประคบเย็นที่แผลเป็นเวลา 3 วันหลังจากการผ่าตัด โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นหมาด ๆ หรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมและลดความเจ็บปวด จากนั้นในวันที่ 4 – 6 หลังผ่าตัดจึงค่อยประคบร้อนเพื่อลดอาการช้ำ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี และช่วยกำจัดของเสียออกจากแผลได้เร็วขึ้น
- ในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ให้พยายามขยับปากให้น้อยที่สุด เช่น พูดให้น้อยลง กินอาหารคำเล็ก ๆ และเลือกกินอาหารอ่อน ๆ ที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เพื่อป้องกันไม่ให้แผลกระทบกระเทือนจนปากแผลฉีกและมีเลือดไหลออกมาได้
- หมั่นดูแลความสะอาดของแผลอยู่เสมอ โดยการเช็ดทำความสะอาดเบา ๆ ด้วยสำลีชุบน้ำเกลือ ป้ายยาฆ่าเชื้อตามที่คุณหมอแนะนำ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือหลังทานอาหารทุกครั้ง และแปรงฟันเบา ๆ ด้วยยาสีฟันที่มีรสอ่อน ๆ ไม่แสบปาก
- ทานยาฆ่าเชื้อให้ครบถ้วนตามที่คุณหมอสั่ง และไปหาหมอเพื่อทำแผลหรือตัดไหมให้ตรงตามนัด
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด อาหารหมักดอง และอาหารร้อน ๆ รวมถึงงดการสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้แผลแสบ หายช้า และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้
บทสรุป
ปากกระจับอักเสบเกิดจากการที่ปากติดเชื้อหลังศัลยกรรม นอกจากจะทำให้รูปทรงปากที่ได้ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็นแล้วยังกลายเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ที่หายยากด้วย แถมยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อลุกลามจนปากเน่าด้วย เราจึงควรป้องกันไว้ก่อนโดยการเลือกทำศัลยกรรมกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดให้ดีตามที่แพทย์แนะนำ