
ปัญหาที่พบบ่อยของการทำศัลยกรรมปากกระจับนั่นก็คือ การเกิดแผลเป็นแข็ง หรือริมฝีปากกระจับเป็นไต ทำให้ปากที่ทำมาใหม่ดูไม่นุ่มนิ่มเป็นธรรมชาติ และรอยกรีดที่แข็งจนทำให้ดูปากเบี้ยวทำให้เป็นปัญหาของใครหลาย ๆ คนที่ไปทำศัลยกรรมปากกระจับมา จริง ๆ แล้วแผลเป็นแข็งหลังทำศัลยกรรมปากนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ และส่วนใหญ่จะค่อย ๆ หายไปเอง แต่ก็มีไม่น้อยที่แผลผ่าตัดกลายเป็นพังผืดและทำให้เกิดปัญหาถาวรได้ เพราะถ้าจะไม่ให้เกิดเป็นไตเลย ตามความจริงเป็นเรื่องยาก แต่ก็มีปัจจัยที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเป็นไตน้อยที่สุดได้
ปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงของอาการเกิดไตหลังการทำปากกระจับ
1.ดูแลตัวเองก่อนผ่าตัด
- งดอาหารเสริม วิตามินทุกชนิด 14 วันก่อนทำ
- ไม่ควรอดอาหาร รับประทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะและให้ครบ 5 หมู่
- หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการผ่าตัด
- งดอาหารเสริม เช่น น้ำมันตับปลา วิตามิน A และ E อย่างน้อย 14 วัน เพราะตัวยามีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดรับประทาน “ยาประเภทแอสไพริน” ควรหยุดรับประทานก่อนผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ขณะผ่าตัด เพราะยาชนิดนี้จะทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนในร่างกายปกติ พอร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี การสมานของแผลก็ดี และไวกว่าคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง
2.เลือกเทคนิคผ่าตัดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์
และมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการสมานและหายของแผลเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการผ่าตัด การตัดแต่งเนื้อ ใช้เครื่องจี้ หรือเทคนิคในการเย็บแผล ก็ล้วนมีผลต่อการบาดเจ็บ และการหายของแผลเช่นกัน พร้อมทั้งการเย็บแผลอย่างประณีต ดูได้จากรีวิวผู้มาใช้บริการ
3.เลือกคลินิก
ที่มีความรู้ความเข้าใจ ในการรักษาพยาบาลหลังผ่าตัดเป็นอย่างดี สะอาดปลอดภัย ได้มาตรฐาน มีใบรับรองการจดทะเบียนถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข และการเดินทางสะดวกไม่ตั้งอยู่ในที่เปลี่ยว
4.หลังผ่าตัด ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
- หลังทำปากกระจับ ปากบาง ควรรับประทานยาให้ครบถ้วน ตรงเวลา ตามแพทย์สั่ง เพราะอาจมีอาการบวมหลังทำ ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้
- ใช้เจลประคบเย็นบริเวณริมฝีปากที่ผ่าตัด ตำแหน่งละ 30 วินาที จึงเปลี่ยนตำแหน่งประคบ ทำวันละ 4 รอบ เช้า กลางวัน เย็น และ ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน จึงเป็นเปลี่ยนเป็นประคบอุ่น อีก 3 วัน
- ทำความสะอาดแผลโดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือ ตำแหน่งบริเวณผ่าตัด อย่างน้อยวันละ 4 ครั้งหรือบ่อยครั้งตามต้องการ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน และหลังล้างหน้า หลังอาบน้ำ หลังประคบเย็น และทุก ๆ ครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อความสะอาดของแผล ก่อนทำแผลต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
- งดทาปากด้วยวาสลีน ลิปสติก ลิปมัน ขี้ผึ้ง ทุกประเภทเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หากริมฝีปากแห้งมาก ๆ ให้ใช้คัตตอนบัตชุบน้ำเกลือทาริมฝีปากแทน หรือใช้ผ้าก็อตชุบน้ำเกลือประคบที่ปากเป็นเวลา 5-10 นาทีแล้วเช็ดออก
- งดรับประทานอาหารหมักดอง สุก ๆ ดิบ ๆ อาหารทะเล อาหารรสเค็ม อาหารแสลงทุกชนิด
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นเวลา 1 เดือน
- หลังผ่าตัดห้ามออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป อาจไปกระทบกระเทือนถึงแผลได้
- หากไม่ปฏิบัติตามข้อห้าม แผลอาจติดเชื้อได้
5.หลังผ่าตัดให้นวดริมฝีปาก
- นวดปากทุกวัน ติดต่อกันหลังตัดไหม 1- 3 เดือน จะช่วยลดไต พังผืด และทำให้ปากเข้ารูปได้ไวขึ้น
- ในช่วงสัปดาห์แรก ริมฝีปากอาจมีคราบขาวซึ่งเกิดจากคราบน้ำลายและลิปบาล์ม ให้ใช้ก้านสำลีเช็ดออกเบา ๆ
- เพิ่มความชุ่มชื่นด้วยการทาลิปบาล์มอยู่เสมอ จะทำให้ปากไม่ตึง และอาการเจ็บปวดลดลง
- ต้องบ้วนปากและเช็ดแผลทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
- การนวดปากหลังจากตัดไหม
- ต้องทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ริมฝีปากเข้ารูปสวยได้เร็วยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 1
นวดริมฝีปากบนด้วยการใช้นิ้วโป้งวางไว้ใต้ริมฝีปาก และนิ้วชี้กดบนริมฝีปาก นวดวนเบา ๆ ค่อย ๆ ขยับไล่จากมุมปากด้านนอกเข้ามากลางปาก ส่วนตรงกระจับทำมือเป็นรูปจีบ นวดคลึงบริเวณช่วงกระจับแล้วดึงลงมา ทำเช่นนี้ประมาณ 5-10 นาที นวด 10-20 ครั้ง ต่อวัน ระยะการนวด 1-3 เดือน
ขั้นตอนที่ 2
ทาลิปบาล์มหลังจากนวดริมฝีปากแล้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น
ขั้นตอนที่ 3
หลังผ่าตัด ริมฝีปากอาจจะตึงจนฉีกยิ้มหรือขยับลำบาก ให้บริหารริมฝีปากด้วยการทำปากจู๋สลับกับฉีกยิ้มกว้างครั้งละ 3 วินาที ติดต่อกันประมาณ 3 นาที จะช่วยลดความตึงของปากได้
หากผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมปากกระจับ ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้ ก็จะช่วยลดการเกิดไตที่ปากกระจับได้