
การทำปากกระจับ หากไม่ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ย่อมมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจศัลยกรรมปากกระจับ ควรให้ความสำคัญในรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่เป็นอันตรายหรือทำให้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามความต้องการได้เป็นอย่างดี ปากกระจับไม่ม้วนเข้า ซึ่งปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้ไม่เป็นที่การดูแลตนเองหลังจากศัลยกรรมปากกระจับ ก็อาจจะเป็นฝีมือของแพทย์แต่ละคนที่แตกต่างกันได้ ดังนั้นหากมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในทุก ๆ ด้าน ย่อมส่งผลให้สาว ๆ มีปากกระจับที่สวยงามอย่างแน่นอน
ข้อควรรู้ก่อนทำปากกระจับ
- ก่อนตัดสินใจทำปากกระจับ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด โดยสามารถปรึกษากับแพทย์ถึงผลดี ผลเสีย ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่คาดหวังหลังการรักษา
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ เพราะถ้าหากแพทย์ประเมินการรักษาไม่เหมาะสมอาจทำให้ทรงปากไม่เป็นธรรมชาติ ปากเสียรูปทรง หรือผลหลังการรักษากลายเป็นคนยิ้มเห็นเหงือก และแก้ไขยาก
- เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและเปิดให้บริการมายาวนาน รวมถึงสถานที่ให้บริการสะอาด เครื่องมือรักษามีความทันสมัย
- ในกรณีต้องการฉีดสารเติมเต็มให้ปากอวบอิ่ม ไม่ควรทำกับหมอกระเป๋าเพราะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะติดเชื้อ หรือปากผิดรูปทรงได้
ใครบ้าง ไม่ควรทำปากกระจับ
- การตัดสินใจว่าคนไข้สามารถทำศัลยกรรมปากกระจับได้หรือไม่ แพทย์จะพิจารณาดูจากลักษณะริมฝีปาก ความหนาของปากบนและล่าง ความผิดปกติของกรามและเหงือก รวมถึงการเรียงตัวของฟัน ซึ่งถ้าคนไข้มีปัญหาดังต่อไปนี้ คุณหมอก็อาจไม่แนะนำให้ทำศัลยกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- คนไข้มีปากบางมากอยู่แล้ว เพราะจะไม่สามารถตัดแต่งเนื้อปากออกได้อีก รวมถึงไม่สามารถเย็บริมฝีปากให้เป็นรูปทรงที่สวยงามได้
- คนไข้หุบปากได้ไม่สนิท เพราะการศัลยกรรมอาจยิ่งทำให้เกิดปัญหาหุบปากไม่สนิทมากกว่าเดิม
- คนไข้มีปัญหายิ้มแล้วเห็นเหงือก เพราะการตัดริมฝีปากออกให้บางลง จะทำให้คนไข้ยิ้มแล้วยิ่งเห็นเหงือกมากกว่าเก่า
- คนไข้มีปากคว่ำ มุมปากตก เพราะปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรม
- คนไข้มีริมฝีปากสองข้างไม่เท่ากัน เพราะการทำศัลยกรรมอาจยิ่งทำให้ริมฝีปากผิดรูปและไม่สมมาตรมากกว่าเดิม
- คนไข้กำลังจัดฟันอยู่ เพราะหลังจัดฟันแล้วอาจทำให้ลักษณะปากเปลี่ยนไป จึงควรรอให้โครงสร้างฟันเข้าที่ก่อนค่อยมาทำศัลยกรรมปาก
- คนไข้มีปัญหาโครงสร้างฟัน เช่น ฟันยื่น ฟันห่าง หรือฟันไม่สบกัน ในกรณีนี้ควรจัดฟันให้เข้าที่ก่อนจึงจะทำปากกระจับได้
- คนไข้มีอายุมาก ในคนที่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป คุณหมอมักไม่แนะนำให้ทำศัลยกรรมปาก เพราะปากจะหย่อนลงตามธรรมชาติอยู่แล้วเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้การศัลยกรรมไม่ได้ผลคุ้มค่า
ผลข้างเคียงหลังการทำศัลยกรรมปากบาง
- ในช่วงสัปดาห์แรก ปากจะมีการบวมและตึงมาก โดยบวมมากที่สุดในวันที่ 3 หลังผ่าตัด จากนั้นจะค่อย ๆ ลดบวมลงไป จนกว่าจะถึงเดือนที่ 3
- ปากกระจับไม่ม้วนเข้า มีอาการชาที่ปาก การรับรู้และความรู้สึกที่ปากขาดหายไปบางส่วน ใช้เวลา 6 เดือน ถึง 1 ปีในการกลับมาเป็นปกติ
- มีไตเนื้อแข็ง ๆ เกิดขึ้นที่ริมฝีปาก เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทุกเคส มักเกิดขึ้นหลังการตัดไหม ใช้เวลา 3 ถึง 6 เดือนในการกลับมาเป็นปกติ (บางเคสไม่หาย)
- เสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ (อยู่ที่ความชำนาญในการเย็บแผลของหมอ)
- ประกบปากไม่สนิทในช่วงแรก รู้สึกแปลก ๆที่ปาก บังคับริมฝีปากลำบาก (เวลา ความเคยชิน และการเรียนรู้ จะทำให้ไม่รู้แปลกกับปากใหม่)
ปัญหาหลังการทำปากกระจับ
การศัลยกรรมปากกระจับมีโอกาสเกิดปัญหาหลังการผ่าตัดได้เช่นกัน ซึ่งก็อาจเกิดได้ทั้งจากความผิดพลาดในการประเมินรูปปาก การผ่าตัด และการดูแลแผลหลังศัลยกรรมที่ไม่ดีพอ โดยปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ ได้แก่
- รูปปากไม่สมมาตร ริมฝีปากข้างซ้ายและขวาไม่เท่ากัน
- รูปทรงปากที่ได้ไม่เป็นธรรมชาติ ดูออกชัดเจนว่าทำศัลยกรรมมา
- มีปัญหาหุบปากได้ไม่สนิท
- ริมฝีปากแข็งเป็นไต
- เกิดแผลเป็นนูนที่ริมฝีปาก
- ปากเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือปากเน่า
ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำปากกระจับก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด โดยสามารถปรึกษากับแพทย์ได้ถึงผลดี ผลเสีย ความเสี่ยง ค่าใช้จ่าย และการพักรักษาตัวหลังการผ่าตัด และผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางการแพทย์ การรักษาในปัจจุบัน อาการป่วย การแพ้ยา และโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์สามารถแนะนำและวางแผนการผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม