
การทำศัลยกรรมปากเป็นการตัดแต่งเนื้อปากให้ได้รูปทรงที่ดูสวยงาม ได้รูปทรงที่เราต้องการ แต่หากทำพลาดขึ้นมา หรือหมอที่ทำให้ไม่มีความเชี่ยวชาญก็ค่อนข้างที่จะแก้ไขได้ยากเพราะเนื้อที่ตัดออกไปแล้วจะให้กลับมาเต็มดังเดิมเหมือนก่อนทำคงเป็นไปไม่ได้ และเมื่อทำการผ่าตัดปากกระจับไปแล้วท่านจะต้องเรียนรู้วิธีดูแลปากกระจับหลังตัดไหม และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่เกิดจากแผลผ่าตัด
ดังนั้นก่อนที่จะเข้ารับบริการศัลยกรรมปากกระจับ ท่านจะต้องศึกษาข้อมูลเรื่องนี้จากหลากหลายแหล่งจนมั่นใจว่า คลินิกที่เราเลือกนั้นมีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ทำไมต้องทำปากกระจับ
- เพื่อเป็นการแก้ไขริมฝีปากที่ใหญ่หรือหนามาแต่กำเนิด
- เพื่อเสริมบุคลิกภาพ สร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ
- เพื่อตกแต่งให้ริมฝีปากบนและล่างสมดุลเข้ารูปกัน
ขั้นตอนการทำปากกระจับ
เมื่อตัดสินใจทำปากกระจับ ขั้นตอนในการผ่าตัด มีดังนี้
- ก่อนการผ่าตัด แพทย์จะใช้ปากกาวาดเส้นบนริมฝีปากเพื่อทำเครื่องหมายเนื้อส่วนที่ต้องผ่า ซึ่งผู้เข้ารับบริการต้องนอนนิ่งบนเตียงผ่าตัด
- เมื่อวาดเส้นจนได้รูปร่างปากที่ต้องการแล้ว แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ในบริเวณที่จะทำการผ่าตัด เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดในขณะทำการผ่าตัด โดยผู้ป่วยจะยังรู้สึกตัวในขณะที่ทำการผ่าตัด
- จากนั้นแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อส่วนด้านในของริมฝีปากออกไป
- หากเนื้อริมฝีปากด้านในมีน้อย แพทย์อาจต้องตัดเนื้อริมฝีปากด้านนอกด้วยเพื่อช่วยให้ปากได้รูปตามที่ต้องการ โดยแพทย์จะผ่าแผลให้เป็นรอยหยักเพื่อให้แผลสมานตัวได้ง่าย รวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะระวังไม่ให้ผ่าไปโดนเนื้อเยื่อซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญที่ใช้ในการพูดและการเคลื่อนไหวของปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นที่มุมปาก ซึ่งจะทำให้ปากตีบแคบลง และไม่ให้รอยแผลเป็นกลายเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจน
- แพทย์จะเย็บปิดแผลให้ได้รูปร่างเป็นปากกระจับ โดยแพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยปมที่แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ด้ายหลุด และอาจเย็บแผลเป็นรูปฟันปลาในบางจุดเพื่อตกแต่งแผลและป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นนูนไม่สม่ำเสมอกัน
- เนื่องจากปากเป็นอวัยวะที่ต้องสัมผัสกับน้ำและความชื้นจากน้ำลาย และมีการขยับอยู่เสมอ แผลจากการผ่าตัดปากกระจับจึงต้องใช้เวลานานกว่าแผลจะดีขึ้นและสมานตัว ซึ่งจะเป็นเวลาประมาณ 7 – 9 วัน
การทำปากกระจับเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะเป็นทรงปากที่สวย ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงและอ่อนหวานขึ้น อีกทั้งยังเชื่อกันว่าเป็นการช่วยเสริมโหงวเฮ้งด้วย แต่การผ่าตัดปากกระจับเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมาก ซึ่งหลังจากรับการผ่าตัดปากกระจับแล้ว ผู้รับบริการผ่าตัดต้องดูแลปากกระจับเป็นอย่างดี เนื่องจากหลังผ่าตัดปากกระจับบางท่านอาจพบปัญหาการเกิดพังผืดได้หลังจากผ่าตัดปากกระจับ จึงควรปฏิบัติดังนี้
- นวดปากทุกวัน ติดต่อกันหลังตัดไหม 1- 3 เดือน จะช่วยลดไต พังผืดและทำให้ปากเข้ารูปได้ไวขึ้น
- ในช่วงสัปดาห์แรก ริมฝีปากอาจมีคราบขาวซึ่งเกิดจากคราบน้ำลายและลิปบาล์ม ให้ใช้ก้านสำลีเช็ดออกเบาๆ
- เพิ่มความชุ่มชื่นด้วยการทาลิปบาล์มอยู่เสมอ จะทำให้ปากไม่ตึง และอาการเจ็บปวดลดลง
- ต้องบ้วนปากและเช็ดแผลทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
บทความแนะนำ ฉีดสลายไขมัน VS ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จาก Rattinan.com
วิธีดูแลปากกระจับหลังตัดไหม
การนวดปากหลังจากตัดไหมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไให้ริมฝีปากเข้ารูปสวยได้เร็วยิ่งขึ้น
- ขั้นตอนที่ 1
นวดริมฝีปากบนด้วยการใช้นิ้วโป้งวางไว้ใต้ริมฝีปาก และนิ้วชี้กดบนริมฝีปาก นวดวนเบา ๆ ค่อย ๆ ขยับไล่จากมุมปากด้านนอกเข้ามากลางปาก ส่วนตรงกระจับทำมือเป็นรูปจีบ นวดคลึงบริเวณช่วงกระจับแล้วดึงลงมา ทำเช่นนี้ประมาณ 5 – 10 นาที นวด 10 – 20 ครั้ง ต่อวัน ระยะการนวด 1 – 3 เดือน
- ขั้นตอนที่ 2
ท่านจะต้องไม่ลืมทาลิปบาล์มหลังจากนวดริมฝีปากแล้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น
- ขั้นตอนที่ 3
หลังผ่าตัด ริมฝีปากอาจจะตึงจนฉีกยิ้มหรือขยับลำบาก ให้บริหารริมฝีปากด้วยการทำปากจู๋สลับกับฉีกยิ้มกว้างครั้งละ 3 วินาที ติดต่อกันประมาณ 3 นาที จะช่วยลดความตึงของปากได้
บทสรุป
วิธีดูแลปากกระจับหลังตัดไหม การนวดปากหลังจากการตัดไหมเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ และท่านต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อท่านปฏิบัติตามที่ได้กล่าวไปข้างบนรับรองได้ว่าท่านจะมีรูปปากกระจับที่สวยงามตามที่ท่านต้องการ แต่ก่อนที่จะเข้ารับการทำศัลยกรรมปาก ท่านควรที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้รายละเอียด ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจทำศัลยกรรมปาก