Home ปากกระจับ ปากกระจับบนล่าง ควรมีลักษณะแบบไหนดี ไปดูกัน

ปากกระจับบนล่าง ควรมีลักษณะแบบไหนดี ไปดูกัน

0
ปากกระจับบนล่าง ควรมีลักษณะแบบไหนดี ไปดูกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาปากหนา ปากห้อย ช่วยคุณได้ ปากเปลี่ยนเปลี่ยนปากหนา ห้อย ให้เป็นทรงสวย บางเล็กลงได้ เทคนิคการเย็บละเอียดสวย  เป็นการทำศัลยกรรมความงามด้วยการผ่าตัดตกแต่งลดเนื้อบริเวณริมฝีปากทั้งส่วนบนและล่างให้ได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า ด้วยรูปทรงปากโค้งเรียวสวยคล้ายกับผลกระจับ จึงเป็นที่มาที่เรียกว่า ปากกระจับ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสามารถแก้ปัญหาของคุณได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องวิตกกังวลใจอีกต่อไป

ลักษณะของริมฝีปากที่ดี

ลักษณะของริมฝีปากที่ดี ต้องอวบอิ่ม มีขอบ มีหยัก มุมปากทั้งสองข้าง ต้องมีลักษณะตรง หรือช้อนขึ้นเล็กน้อย และได้รูป เหมาะสมกับขนาดของใบหน้า เช่น ใบหน้าใหญ่ควรมีรูปปากกว้าง ใบหน้าอ้วนควรมีริมฝีปากหนา ใบหน้าเล็กควรมีริมฝีปากบางหรือเล็ก เวลาหุบปาก ริมฝีปากบนและล่างต้องปิดสนิท มีรอยพับย่นเป็นระเบียบ รอยพับย่นนี้เปรียบเหมือนสปริงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในขณะที่พูด ยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ ริมฝีปากจะต้องมีสีอมชมพู มีความชุ่มชื้น และมีประกายสดใสเป็นธรรมชาติตลอดเวลา

ปากกระจับเหมาะสำหรับใคร

การผ่าตัดศัลยกรรมทำปากกระจับบนล่างสามารถทำได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชายที่มีปัญหาเหล่านี้

  1. มีริมฝีปากบน ล่างหนา ไม่สวยงาม
  2. ริมฝีปากด้านบนไม่มีความหยักโค้ง
  3. ผู้ที่ไม่มีขอบปาก ต้องการสร้างขอบปากชัดเจน เห็นรูปทรงปากสวยงาม
  4. ริมฝีปากบางและต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากดูโดดเด่น

ปากกระจับบนล่าง มีข้อจำกัดอยู่บ้างโดยเฉพาะในรายที่มีริมฝีปากบางมาก ๆ เนื้อปากน้อย  ดังนั้นต้องให้แพทย์ประเมินอาการและวางแผนการผ่าตัด  หรือพิจารณาเลือกวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสวยงามเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ปากกระจับบนล่าง แก้ไขยังไงดี

เตรียมตัวก่อนผ่าตัดศัลยกรรมปาก

เพื่อให้การผ่าตัดปากกระจับได้ผลดี ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดควรเตรียมตัว ดังนี้

  1. งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  2. งดแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  3. งดยากลุ่ม Aspirin หรือ Ibuprofen ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  4. งดวิตามิน อาหารเสริม ยาลดน้ำหนัก สมุนไพรทุกชนิดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  5. งดแต่งหน้าก่อนเข้าผ่าตัด
  6. นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  7. แจ้งประวัติการฉีด เสริม และตกแต่งใบหน้าทุกประเภทอย่างละเอียด
  8. แจ้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และยาที่ใช้เป็นประจำ

การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดจะทำให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาดีที่สุด และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี

ขั้นตอนการทำปากกระจับ

เมื่อตัดสินใจทำปากกระจับ ขั้นตอนในการผ่าตัด มีดังนี้

  1. ก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องนอนนิ่งบนเตียงผ่าตัด แพทย์จะใช้ปากกาวาดเส้นบนริมฝีปากเพื่อทำเครื่องหมายเนื้อส่วนที่ต้องผ่า
  2. เมื่อวาดเส้นจนได้รูปร่างปากที่ต้องการแล้ว แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ในบริเวณที่จะทำการผ่าตัด เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดในขณะทำการผ่าตัด โดยผู้ป่วยจะยังรู้สึกตัวในขณะที่ทำการผ่าตัด
  3. จากนั้น แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อส่วนด้านในของริมฝีปากออกไป

หากเนื้อริมฝีปากด้านในมีน้อย แพทย์อาจต้องตัดเนื้อริมฝีปากด้านนอกด้วยเพื่อช่วยให้ปากได้รูปตามที่ต้องการ โดยแพทย์จะผ่าแผลเป็นรอยหยักเพื่อให้แผลสมานตัวได้ง่าย รวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะระวังไม่ให้ผ่าไปโดนเนื้อเยื่อซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญที่ใช้ในการพูดและการเคลื่อนไหวของปาก และรอยแผลผ่าตัดที่เริ่มกรีดห่างจากมุมปากด้านในอย่างน้อย 5 มิลลิเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นที่มุมปาก ซึ่งจะทำให้ปากตีบแคบลง และไม่ให้รอยแผลเป็นกลายเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจน

  1. แพทย์จะเย็บปิดแผลให้ได้รูปร่างเป็นปากกระจับ โดยแพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยปมที่แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ด้ายหลุด และอาจเย็บแผลเป็นรูปฟันปลาในบางจุดเพื่อตกแต่งแผลและป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นนูนไม่สม่ำเสมอกัน
  2. เนื่องจากปากเป็นอวัยวะที่ต้องสัมผัสกับน้ำและความชื้นจากน้ำลาย และมีการขยับอยู่เสมอ แผลจากการผ่าตัดปากกระจับจึงต้องใช้เวลานานกว่าแผลจะดีขึ้นและสมานตัว ซึ่งจะเป็นเวลาประมาณ 7-9 วัน

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดปากกระจับ

  1. หลังจากเข้ารับการรักษา ควรประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก
  2. ใช้วิธีการบ้วนปาก แทนการแปรงฟัน 3 วันหลังผ่าตัด
  3. ล้างแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม
  4. ตัดไหม 5-7 วัน พิจารณาตามสภาพแผล
  5. รับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
  6. ควรงดบุหรี่ และแอลกอฮอล์
  7. หากมีอาการช้ำบวมให้ประคบอุ่นหลังตัดไหมแล้ว
  8. เมื่อเกิดปัญหาติดต่อพนักงานและพบแพทย์ทันที

การพักฟื้นหลังการผ่าตัด

เมื่อผ่าตัดทำปากกระจับเสร็จ และผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดที่เป็นอันตราย แพทย์จะจ่ายยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังยาชาหมดฤทธิ์ และผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ตามปกติ โดยแพทย์จะแนะนำแนวปฏิบัติเพื่อการพักฟื้น และวิธีการดูแลแผล ซึ่งประกอบด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ปรึกษาแพทย์หรือกลับมาหาแพทย์เมื่อพบภาวะแทรกซ้อน และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เพราะอาจส่งผลให้แผลสมานตัวช้า

About Author